วันพุธที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2558

แนวทางการส่งสำนวนให้พนักงานอัยการ

แนวทางปฏิบัติการสอบสวนและส่งสำนวนให้พนักงานอัยการ
ในคดีเกี่ยวกับป่าไม้และทรัพยากรของชาติ ตามหนังสือ ตร. ที่ 0011.22/3806 ลงวันที่ 29 กันยายน 2558
               1. สืบเนื่องจากหนังสือสำนักงานอัยการสูงสุด ด่วนที่สุด ที่ อส 0007(พก)/ว 92 ลง 22 เมษายน 2557 เรื่องแนวทางปฏิบัติในการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการแจ้งให้พนักงานอัยการทราบเกี่ยวกับคำสั่ง ตร. ที่ 419/2556 ลง 1 กรกฎาคม 2556 เรื่องการอำนวยความยุติธรรมในคดีอาญา การทำสำนวนการสอบสวนและมาตรการควบคุม ตรวจสอบ เร่งรัด การสอบสวนคดีอาญา สาระสำคัญสรุปได้ว่าคำสั่ง ตร. ดังกล่าวมีลักษณะเป็นกฎและมีลำดับศักดิ์ทางกฎหมายเท่าเทียมกับข้อบังคับกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยระเบียบการดำเนินคดีอาญา พ.ศ.2523 ดังนั้นกรณีที่เนื้อหาสาระในข้อบังคับกระทรวงมหาดไทยฯ เฉพาะที่ขัดหรือแย้งกับเนื้อหาในคำสั่ง ตร. เนื้อหานั้นย่อมสิ้นผลใช้บังคับลงภายในหน่วยงาน ตร. ตามหลักกฏหมายใหม่ยกเลิกกฎหมายเก่าและตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่องเสร็จที่ 66/2553 แต่คำสั่ง ตร. ดังกล่าวเป็นเพียงคำสั่ง กฎ ระเบียบ หรือหนังสือสั่งการภายใน ตร. กรณีจึงไม่อาจใช้บังคับกับพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครองหรือหน่วยงานภายนอกอื่นได้
              2. ต่อมาสำนักงานอัยการสูงสุด ได้มี หนังสือ ด่วนที่สุด ที่ อส 0007(พก)/ว 200 ลงวันที่ 8 มิถุนายน 2558 เรื่องแนวทางปฏิบัติในการรับสำนวนคดีความผิดเกี่ยวกับป่าไม้และทรัพยากรของชาติแจ้งให้พนักงานอัยการทราบ เพื่อถือปฏิบัติ สรุปได้ดังนี้
                 2.1 สำนวนการสอบสวนคดีความผิดเกี่ยวกับกฎหมายป่าไม้และทรัพยากรของชาติอื่น ๆ คดีใด ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงว่า ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ หรือปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ ได้ใช้อำนาจเข้าควบคุมการสอบสวนในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบและพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบตามข้อ 12 ของข้อบังคับกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยระเบียบการดำเนินคดีอาญา พ.ศ. 2523 แล้วหากมีการส่งสำนวนการสอบสวนคดีดังกล่าวไปยังพนักงานอัยการ โดยที่พนักงานสอบสวนฝ่ายปกครองดังกล่าวยังไม่ได้ทำความเห็นในการสรุปสำนวนไปด้วย ถือว่าเป็นการสรุปสำนวนการสอบสวนโดยมิชอบ เนื่องจากยังไม่มีสรุปความเห็นของพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบในการสอบสวนตามมาตรา 140 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งเป็นเหตุให้พนักงานอัยการไม่มีอำนาจฟ้องตามมาตรา 120 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา กรณีดังกล่าวให้พนักงานอัยการรับสำนวนการสอบสวนไว้ แล้วสั่งให้ส่งคืนตามมาตรา 143 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เพื่อให้พนักงานสอบสวนดำเนินการให้ถูกต้องตามข้อบังคับกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยระเบียบการดำเนินคดีอาญา พ.ศ. 2523 เสียก่อน
                 2.2 สำนวนการสอบสวนคดีความผิดเกี่ยวกับกฎหมายป่าไม้และทรัพยากรของชาติอื่น ๆ คดีใด ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงว่า ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอหรือปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ ไม่ได้ใช้อำนาจเข้าควบคุมการสอบสวน หรือเพียงแต่เข้าไปตรวจสอบกำกับดูแลการสอบสวนโดยมิได้เข้าไปควบคุมการสอบสวนในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบและพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ ตามข้อ 12 ของข้อบังคับกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยระเบียบการดำเนินคดีอาญา พ.ศ. 2523 พนักงานสอบสวนฝ่ายตำรวจจึงมีอำนาจสอบสวนและสรุปสำนวนการสอบสวนฝ่ายเดียว แล้วส่งสำนวนการสอบสวนดังกล่าวให้พนักงานอัยการพิจารณาต่อไปได้
             3. เนื่องจากหนังสือสำนักงานอัยการสูงสุดทั้ง 2 ฉบับ ได้กำหนดแนวทางในการพิจารณารับสำนวนคดีความผิดเกี่ยวกับป่าไม้และทรัพยากรของชาติของพนักงานอัยการ ทำให้พนักงานสอบสวนฝ่ายตำรวจเกิดปัญหาในทางปฏิบัติและความกังวลสับสนเกี่ยวกับการสอบสวนคดีความผิดดังกล่าว รวมถึงการส่งสำนวนคดีให้พนักงานอัยการพิจารณาสั่งคดี โดยที่บางสำนวนคดีพนักงานอัยการไม่รับสำนวนไว้พิจารณา หรือรับสำนวนไว้แล้วส่งสำนวนคืนเพื่อให้พนักงานสอบสวนปฏิบัติตามข้อบังคับกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยระเบียบการดำเนินคดีอาญา พ.ศ. 2523 ซึ่งเกรงว่าอาจเกิดความบกพร่องกับการสอบสวนสำนวนคดีที่อยู่ในความรับผิดชอบของตนเองขึ้นได้ โดยเฉพาะสำนวนคดีซึ่งมีตัวผู้กระทำผิดและอยู่ระหว่างฝากขังในชั้นศาล กรณีดังกล่าวเป็นประเด็นปัญหาข้อกฎหมาย ตร. ได้ทำหนังสือหารือแนวทางปฏิบัติตามหนังสือสำนักงานอัยการสูงสุดดังกล่าวไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อหาข้อยุติในเรื่องนี้ไปส่วนหนึ่งแล้ว ดังนั้น เพื่อให้การสอบสวนคดีความผิดเกี่ยวกับป่าไม้และทรัพยากรของชาติ มิให้เกิดความเสียหายในทางคดีและเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาในทางปฏิบัติแก่พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบในคดี จึงให้ถือปฏิบัติดังนี้